รู้จักสมาคม ภูมิภาคศึกษา

ประวัติและวัตถุประสงค์ของสมาคม

สมาคมภูมิภาคศึกษา (สภศ) หรือ The Association of Regional Studies (ARS) ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ได้รับอนุมัติจดทะเบียนจัดตั้งจากกระทรวงมหาดไทย
ย้อนไปเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2567 ได้มีการรวมตัวกันของกลุ่มบุคคลที่สนใจใฝ่รู้ในเรื่องภูมิภาคศึกษา โดยมี รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช (อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญเรื่องภูมิภาคศึกษา) เป็นประธานในที่ประชุม

อาจารย์ดุลยภาค กล่าวถึงเหตุผลในการจัดตั้งสมาคมฯ พร้อมระบุว่าองค์ความรู้เรื่องภูมิภาคศึกษาหรืออาณาบริเวณศึกษา ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาสังคมไทย เช่น ความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งกว้างขวางขึ้นเกี่ยวกับภาคต่าง ๆ ในประเทศไทย อย่างภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ตลอดจนเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงในเขตประเทศเพื่อนบ้านและดินแดนต่าง ๆ รอบโลก อาทิ เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินโด-แปซิฟิก ฯลฯ

แต่เท่าที่ผ่านมานั้น ในเมืองไทยยังไม่เห็นการรวมกลุ่มสมาคมเพื่อการสาธารณะประโยชน์ในเรื่องเหล่านี้อย่างเป็นกิจจะลักษณะ จึงเห็นสมควรจัดตั้งสมาคมภูมิภาคศึกษาขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์หลัก ดังนี้

ส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจต่อสาธารณชน

ส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจต่อสาธารณชนเกี่ยวกับเรื่องภูมิภาคศึกษา/ อาณาบริเวณศึกษา ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมเขตพื้นที่ต่าง ๆ ในประเทศไทยและรอบโลก ได้แก่ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออก เอเชียใต้ ยูเรเชียและอินโด-แปซิฟิก

ให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

ให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม เกี่ยวกับเรื่องภูมิภาคศึกษา

ศึกษาวิจัยและบริการ

ศึกษาวิจัยและบริการให้คำปรึกษาต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องภูมิภาคศึกษา

the-modern-web/trusted-web-activitiesCreated with Sketch.

จัดกิจกรรมเสวนา ฝึกอบรม

จัดกิจกรรมเสวนา ฝึกอบรม หรือกิจกรรมในรูปแบบอื่นเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสริมสร้างมิตรภาพและพัฒนาทักษะความรู้ด้านภูมิภาคศึกษา

สร้างเครือข่ายวิชาการและส่งเสริมความร่วมมือกับหน่วยงานในประเทศไทยและต่างประเทศ

สร้างเครือข่ายวิชาการและส่งเสริมความร่วมมือกับหน่วยงานในประเทศไทยและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับเรื่องภูมิภาคศึกษา/อาณาบริเวณศึกษา

นอกจากนั้น อาจารย์ดุลยภาคยังได้อธิบายถึงเหตุผลที่ต้องตั้งชื่อสมาคมว่า “สมาคมภูมิภาคศึกษา” โดยเห็นว่าคำว่า “ภูมิภาคศึกษา” หรือ “Regional Studies” ถือเป็นคำที่นิยมใช้กันในแวดวงวิชาการและในวงสนทนาทั่ว ๆ ไปซึ่งหมายถึงการศึกษาพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งหรืออาณาบริเวณใดอาณาบริเวณหนึ่งในมิติต่าง ๆ เช่น ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ยุทธศาสตร์ ฯลฯ โดยจะหมายถึงภาคต่าง ๆ ในประเทศไทยก็ได้ เช่น ภาคเหนือ ภาคอีสาน หมายถึงประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ได้และหมายถึงภูมิภาคหรือเขตต่าง ๆ รอบโลกก็ได้ เช่น เอเชียใต้ เอเชียตะวันออก เอเชียกลาง ยุโรป รัสเซีย-ยูเรเชียและอินโด-แปซิฟิก

เพราะฉะนั้น การใช้ชื่อนี้จึงถือเป็นชื่อที่ตรงตามเหตุผลในการจัดตั้งสมาคมที่เน้นการศึกษาวิเคราะห์และเผยแพร่องค์ความรู้ต่อสาธารณชนในเรื่องภูมิภาคศึกษา ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมเขตพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและรอบโลก และเพื่อให้สมาคมนี้เป็นศูนย์กลางหรือขุมข้อมูลข่าวสารหลักสำหรับประชาชนคนไทยที่สนใจใฝ่รู้ในเรื่องภูมิภาคศึกษา

ต่อมา ผู้เข้าร่วมประชุมที่มาจากหลากหลายแวดวงอาชีพ เช่น ภาคราชการ ภาคธุรกิจ ภาควิชาการ ฯลฯ ได้เห็นพ้องร่วมกันในการจัดตั้งสมาคมภูมิภาคศึกษา จนในที่สุด สมาคมฯ ได้รับการจดทะเบียนจัดตั้งจากทางราชการเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ซึ่งถือเป็นวันสถาปนาสมาคมภูมิภาคศึกษาอย่างเป็นทางการ

สารจาก นายกสมาคม

เรียนท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน

ผมมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นการก่อรูปและการถือกำเนิดขึ้นของสมาคมภูมิภาคศึกษา ซึ่งน่าจะเป็นสมาคมแห่งแรกของเมืองไทย ที่มุ่งเผยแพร่องค์ความรู้และให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศโดยอาศัยองค์ความรู้ที่ลุ่มลึกรอบด้านเกี่ยวกับภูมิภาคศึกษา/อาณาบริเวณศึกษา โลกร่วมสมัยล้วนสะท้อนให้เห็นว่าภูมิภาค หรือประเทศ หรือหน่วยดินแดนต่าง ๆ รอบโลกนั้นต่างกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญหลายประการ เช่น สถานการณ์สู้รบในเมียนมาหลังรัฐประหารล่าสุด สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ความขัดแย้งเขตแดนบนพรมแดนหิมาลัยระหว่างจีนกับอินเดีย และการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนในมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก ฯลฯ

ดูเหมือนว่าหลายภูมิภาครอบโลก อาทิ ยูเรเชีย เอเชียใต้ เอเชียตะวันออก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินโด-แปซิฟิก ต่างกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วทางด้านภูมิรัฐศาสตร์และในด้านอื่น ๆ (ประวัติศาสตร์ การเมือง เศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม) มิพัก ต้องกล่าวถึงประเทศไทยที่จะต้องพยายามปรับตัวให้เท่าทันกระแสโลกและต้องพัฒนาพื้นที่ท้องถิ่นตามภาคต่าง ๆ เพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านและกับประเทศอื่น ๆ รอบโลกอย่างมีชั้นเชิง

ในการนี้ การจัดตั้งสมาคมภูมิภาคศึกษา ในฐานะนิติบุคคลที่ดำเนินกิจกรรมด้านการผลักดันนโยบาย การบริการข้อมูลข่าวสาร การฝึกอบรมระยะสั้น การให้คำปรึกษาและการผลิตเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับภูมิภาคต่าง ๆ ในประเทศไทยและรอบโลก จึงย่อมเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยโดยแท้ ทั้งนี้ก็เพื่อส่งเสริมให้คนไทยได้มีองค์ความรู้ที่เข้มแข็งขึ้นและมีทางเลือกเชิงนโยบายที่หลากหลายขึ้นท่ามกลางโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและระเบียบภูมิภาคที่แปรเปลี่ยนไป

การที่จะทำให้สมาคมภูมิภาคศึกษาประสบความสำเร็จในเหตุผลที่กล่าวมาเบื้องต้นนั้น ผมจึงมีวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้สมาคมนี้กลายเป็นสมาคมชั้นนำทางด้านวิจัย นโยบาย ข้อมูลข่าวสาร การฝึกอบรม การผลิตสื่อสารคดีและการบริการสาธารณะเกี่ยวกับเรื่องภูมิภาคศึกษาที่มีชื่อเสียงในทั้งระดับประเทศไทยและในระดับสากล โดยมีพันธกิจหลัก 2 ประการ ได้แก่

1) บูรณาการองค์ความรู้ด้านภูมิภาคศึกษาให้ทันกระแสโลกเพื่อตอบโจทย์ประเทศชาติและตอบสนองความต้องการของประชาชน และ 2) ระดมทรัพยากรผ่านเครือข่ายความร่วมมือทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อยกระดับการทำงานของสมาคมไปสู่มาตรฐานสากล

ผมจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสมาคมภูมิภาคศึกษาจะทำหน้าที่เผยแพร่องค์ความรู้สู่สาธารณะได้อย่างกว้างไกล และจะเป็นสมาคมที่พร้อมมีคำตอบที่น่าประทับใจให้แก่สังคมไทยเสมอเกี่ยวกับเรื่องภูมิภาคศึกษา


ด้วยความเคารพ
รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช
ผู้ก่อตั้งและนายกสมาคมภูมิภาคศึกษา

ติดต่อ สมาคม

Pilay House

196 ซอยปรีดี พนมยงค์ 42 แยก 2 ถนนสุขุมวิท 71
แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

E-Mail

regionalstudies@gmail.com

สมัครสมาชิก

สมาชิกของสมาคมมี 2 ประเภท  ซึ่งประกอบด้วย 1.สมาชิกสามัญ ได้แก่ บุคคลหรือนิติบุคคลที่สนใจในวัตถุประสงค์ของสมาคมและสมัครเข้าเป็นสมาชิก และ 2.สมาชิกกิตติมศักดิ์  ได้แก่ บุคคลผู้ทรงเกียรติ  หรือทรงคุณวุฒิ  หรือผู้มีอุปการคุณแก่สมาคมซึ่งคณะกรรมการลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม

สมาชิกสามัญ
จะต้องเสียค่าลงทะเบียนเป็นครั้งแรก 200 บาท
และค่าบำรุงเป็นรายปี ๆ ละ 200 บาท
หรือค่าลงทะเบียนตลอดชีพ 2,000 บาท
สมาชิกกิตติมศักดิ์ มิต้องเสียค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงสมาคมแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ทั้งนี้ สมาคมจะประกาศเปิดรับสมาชิกเพื่อพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิก โดยจะจัดทำประกาศเพื่อแจ้งให้ทราบในแต่ละห้วงเวลา